เท้าแช่น้ำนานๆ เสี่ยงโรคน้ำกัดเท้า



โรคน้ำกัดเท้า เกิดจาก เมื่อเท้าแช่อยู่ในน้ำหลาย ๆ ชั่วโมง ผิวหนังชั้น Keratin (ชั้นขี้ไคล) ของหนังกำพร้าจะบวมพอง ทำให้เห็นผิวหนังว่ามีลักษณะซีดขาว ย่น และแตกเป็นร่อง ๆ ที่บริเวณฝ่าเท้า 2 ข้าง ง่ามนิ้วเท้าและหลังเท้าลักษณะแบบนี้เรียกว่าเท้าเปื่อย
จะมีอาการแสบ ๆ คัน ๆ หรือปวดที่ฝ่าเท้า เวลาเดินลงน้ำหนักง่ามนิ้วเท้าก็จะมีลักษณะเป็นแผล ถลอด แดง และเปื่อย
ถ้าหากเท้าแช่อยู่ในน้ำเป็นระยะเวลาไม่นาน อาการก็จะสามารถหายเองได้ภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าเป็นมากอาการก็จะเป็นอยู่อีกหลายวัน หลังจากที่เท้าไม่ต้องแช่อยู่ในน้ำต่อไปอีกแล้ว
โรคน้ำกัดเท้า อาจมีเชื้อโรคแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะพวกเชื้อรา เช่น เชื้อยีสต์ (Candida) จะทำให้เกิดอาการแดงถลอก และอักเสบ มักเป็นแถวง่ามนิ้วเท้าและพวกเชื้อราอื่น ๆ ได้แก่ พวกกลาก ก็จะทำให้มีอาการ
เท้าเหม็น อักเสบเป็นผื่นแดง มีตุ่มน้ำหรือขุยลอกบริเวณง่ามนิ้วเท้า ฝ่าเท้า และข้าง ๆ เท้าได้
ควรหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เท้าต้องจุ่มอยู่ในน้ำนาน ๆ หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง ย้ายไปอยู่บริเวณที่น้ำไม่ท่วม (คงยากมาก) สวมรองเท้าที่โปร่ง เช่น รองเท้าแตะ ไม่ให้มีการอบหรือน้ำขังในรองเท้าที่จะต้องสวมต่อไปทั้งวัน ล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดหลังจากต้องย่ำน้ำมาแล้วนาน ๆ แล้วเช็ดหรือซับให้แห้ง หลังจากซับให้แห้งแล้วให้โรยด้วยแป้งฝุ่น
ถ้ามีอาการเท้าเปื่อยเนื่องจากน้ำกัดเท้าระยะแรก มักไม่ได้เกิดจากเชื้อรา ไม่ควรใช้ยารักษาเชื้อราที่มีฤทธิ์ระคายเคืองผิวหนังมาทา เพราะจะทำให้เป็นมากขึ้นได้ ยกเว้นในระยะหลังที่มีเชื้อราแทรกซ้อนแล้ว ถึงจะใช้ยารักษาโรคเชื้อราทาได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โรคเท้าเหม็นมีด้วยหรอ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเท้าเหม็นคืออะไร

วิธีแก้เท้าเหม็นด้วยการเปลี่ยนชนิดถุงเท้า

พันธุกรรมเป็นสาเหตุของกลิ่นเท้าจริงหรือ